สุขภาพของคนข้ามเพศ (TRANSGENDER) ต้องดูแลทั้งกายและใจ

<p><strong><span style="color: #08826a;">คนข้ามเพศ</span> </strong>คือ คนที่มีเพศสภาพและเพศกำเนิดไม่สอดคล้องกัน ปัจจุบันในทางการแพทย์ใช้  DSM-5 ในการวินิจฉัย โดยใช้เกณฑ์ของอาการเพียง 2 ใน 6 ข้อ โดยต้องเป็นมาอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน และก่อให้เกิดความทุกข์ใจหรือมีความคับข้องใจ (GENDER DYSPHORIA) จนจำเป็นต้องเข้ารับการบริการเพื่อการข้ามเพศ ทั้งชายที่ต้องการเปลี่ยนเป็นหญิง และหญิงที่ต้องการเปลี่ยนเป็นชาย</p>
<p>&nbsp;</p>
<h2><span style="color: #00826a;">ขั้นตอนการดูแลเพื่อการเปลี่ยนแปลงให้เป็นเพศตรงตามอัตลักษณ์ทางเพศ</span></h2>
<ol>
<li>ประกาศตนเองต่อสังคม</li>
<li>รับการวินิจฉัยจากจิตแพทย์ว่าเป็น GENDER DYSPHORIA โดยไม่ได้มีโรคหรือภาวะผิดปกติทางจิตที่อาจมาด้วยอาการคล้ายกัน จนทำให้เกิดความเข้าใจผิด</li>
<li>ยับยั้งการเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ในรายที่อายุยังน้อย เพื่อรอเวลาในการวินิจฉัยให้ชัดเจนก่อนจะชักนำด้วยการรักษาให้เป็นเพศที่ตรงกับจิตใจและตัวตนของคนไข้ในภายหลัง</li>
<li>เปลี่ยนแปลงร่างกายด้วยวิธีการต่างๆ โดยไม่ได้ใช้ฮอร์โมนและการผ่าตัด เช่น ชายข้ามเพศ เล่นกล้าม รัดหน้าอก หรือหญิงข้ามเพศ ใส่วิกผม แรเงาร่องอก ใส่ซิลิโคนเสริมด้านนอก เป็นต้น</li>
<li>วินิจฉัยถูกต้อง พิจารณาใช้ฮอร์โมน การผ่าตัดตกแต่งใบหน้า ผ่าตัดหน้าอก และการผ่าตัดแปลงเพศในรายที่ต้องการและมีความพร้อม</li>
</ol>
<p>&nbsp;</p>
<h2><span style="color: #00826a;">หลักการให้ฮอร์โมนเพื่อการข้ามเพศ</span></h2>
<ul>
<li>ควรให้คำแนะนำเรื่องภาวะเจริญพันธุ์ เรื่อง ธนาคารอสุจิ การแช่แข็งไข่ เพื่อโอกาสของการมีบุตรของตนเอง หากมีกฎหมายรองรับในอนาคต</li>
<li>กดการสร้างฮอร์โมนเพศกำเนิดตาม WPATH (World professional association transgender health) เริ่มใช้ตั้งแต่อายุ 16 ปี โดยได้รับความยินยอมจากผู้มีอำนาจปกครอง</li>
<li>เพิ่มฮอร์โมนเพศใหม่ ให้เป็นเพศที่ตรงกับจิตใจ</li>
<li>มีมาตรการความปลอดภัย โดยคัดกรองและลดปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากการใช้ฮอร์โมน ใช้ฮอร์โมนในขนาดไม่สูงเกินไปแต่ได้ผลและตรวจติดตามระดับฮอร์โมนและเฝ้าระวังผลข้างเคียงเป็นระยะตามมาตรฐาน</li>
</ul>
<h2></h2>
<h2><span style="color: #00826a;">หลักเกณฑ์การผ่าตัดเพื่อการข้ามเพศ</span></h2>
<p>คนไข้ต้องได้รับฮอร์โมนและได้ทดลองใช้ชีวิตอย่างอิสระในเพศที่ตรงกับจิตใจอย่างน้อย<br />
1 ปี  ตาม WPATH (World professional association  transgender health) สามารถผ่าตัดได้ตั้งแต่อายุ 18 ปี โดยได้รับความยินยอมจากผู้มีอำนาจปกครอง หรืออายุครบ20 ปีบริบูรณ์ สามารถเซ็นหนังสือยินยอมได้ด้วยตนเอง โดยขั้นตอนการผ่าตัดแปลงเพศ ต้องใช้ใบรับรองจากจิตแพทย์ 2 ท่าน</p>
<h2></h2>
<h2><span style="color: #00826a;">การดูแลด้านอื่นๆ</span></h2>
<ul>
<li>ควรประเมินภาวะสุขภาพจิตของคนข้ามเพศอย่างสม่ำเสมอ</li>
<li>ให้คำแนะนำเรื่องการคุมกำเนิด เลือกวิธีที่ได้ผลและเหมาะกับแต่ละคน</li>
<li>ให้คำแนะนำเรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการป้องกัน</li>
<li>คัดกรองภาวะมะเร็งต่างๆ เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งต่อมลูกหมาก และภาวะกระดูกพรุน ตามข้อแนะนำมาตรฐาน</li>
</ul>
<h2></h2>
<h2><span style="color: #00826a;">ผู้ให้บริการแก่คนข้ามเพศ</span></h2>
<p>ควรมีทัศนคติทางบวก เป็นมิตร สุภาพ เห็นอกเห็นใจ เคารพสิทธิ์ไม่แตกต่างจากคนทั่วไป ใช้คำกลางๆ หลีกเลี่ยงการใช้คำที่บ่งบอกถึงเพศ ไม่ใช้คำที่ผิดปกติจากคนทั่วไป ขออนุญาตและบอกเหตุผลหากจำเป็นต้องซักประว้ติเพื่อเก็บข้อมูลในประเด็นที่อาจกระทบจิตใจคนข้ามเพศ ควรสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีต่อข้อมูลคำตอบเพราะเรื่องเพศมีความหลากหลาย ไม่ตัดสินแต่ควรให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ หากเห็นควรว่าคนไข้ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามบรรทัดฐานที่เหมาะสม</p>
<p style="text-align: right;">
<p>&nbsp;</p>
<p style="text-align: right;"><span style="color: #00826a;"><strong>พญ.พุธชาต ล้ำเลิศกิตติกุล</strong></span></p>
<p style="text-align: right;">แพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ</p>
<p style="text-align: right;">สูติ-นรีแพทย์และแพทย์เวชศาสตร์ทางเพศ</p>
<p style="text-align: right;">ศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัย โรงพยาบาลพญาไท 3</p>


ขั้นตอนการข้ามเพศเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมีความละเอียดอ่อนที่ต้องดูแลทั้งทางร่างกายและจิตใจ ผู้ที่ต้องการข้ามเพศจึงควรได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายๆ ด้านไปพร้อมกัน

บริการ

บทความ

เกี่ยวกับเรา

สาขาโรงพยาบาล

สุขภาพของคนข้ามเพศ (TRANSGENDER) ต้องดูแลทั้งกายและใจ

Tel

Email

บริการ

บทความ

เกี่ยวกับเรา

สาขาโรงพยาบาล