ตาโปน ตรวจพบเร็วรักษาไว อาจไม่จำเป็นต้องผ่าตัด

<h2>ตาโปน คืออะไร ? 
</h2>
ตาโปน คือลักษณะที่ลูกตายื่นเกินออกมาจากเบ้าตามากกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการปวด หรือปวดตุ๊บๆ (Throbbing Sensation) ผู้ที่มีอาการตาโปนจะทำให้กระจกตาโดนแดดและลมได้มากกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการเคืองตา คันตา น้ำตาไหล ตาแดงได้ง่าย บางคนเวลากรอกตาไปมาจะเหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ในตา (Gritty Sensation) ผู้ป่วยตาโปนส่วนหนึ่งมักมาพบแพทย์ด้วยอาการตามัว การมองเห็นภาพที่ผิดปกติไป มองเห็นสีผิดปกติ หรือเวลากรอกตาจะเห็นเป็นภาพซ้อน
<h2>การวินิจฉัยโรคตาโปน 
</h2>
การจะวินิจฉัยอาการที่เกิดขึ้นว่าผู้ป่วยเป็นโรคตาโปนหรือไม่นั้น จะวัดได้จากลักษณะดวงตาที่ต่างกัน คือตายื่นเกินมาตั้งแต่ 2 มิลลิเมตรขึ้นไปจากปกติ โดยในคนเอเชียสามารถใช้เครื่องวัดตาโปนที่เรียกว่า Hertel Exophthalmometer โดยการวัดจะใช้ตัวเลข 18 มิลลิเมตรเป็นค่ามาตรฐาน หากวัดได้เกิน 18 มิลลิเมตร จะถือว่าเป็นตาโปน
<h2>สาเหตุตาโปน 
</h2>
สาเหตุของการเป็นตาโปน จะมีความแตกต่างกันในเด็กและในผู้ใหญ่ คือ
<h2>วัยเด็กมักเกิดจาก</h2>
<ul>
<li>กลุ่มเนื้องอก (Dermoid)</li>
<li>เนื้องอกของเส้นเลือด (Capillary Hemangioma)</li>
<li>การติดเชื้อในบริเวณลูกตา (Orbital Cellulitis)</li>
</ul>
<h2>วัยผู้ใหญ่มักเกิดจาก</h2>
<ul>
<li>โรคไทรอยด์ (Thyroid)</li>
<li>มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma)</li>
<li>เนื้องอกในเส้นเลือด (Cavernous Hemangioma)</li>
<li>กลุ่มที่หาสาเหตุการอักเสบไม่ได้ (Orbital Cellulitis)</li>
<li>กลุ่มที่มีเชื้อมะเร็งกระจายบริเวณรอบดวงตา</li>
</ul>
<h2>แนวทางการรักษาตาโปน 
</h2>
แนวทางการรักษาส่วนใหญ่ จะใช้วิธี Non Invasive ก่อน โดยจะยังไม่ผ่าตัด ซึ่งแบ่งเป็น
<ul>
<li>การรักษาตามอาการ เช่น ตาโปนอาจทำให้เกิดอาการตาแห้ง เคืองตา น้ำตาไหล ก็จะรักษาโดยใช้น้ำตาเทียม ใส่แว่นกันแดดเพื่อป้องกันการโดนแสงแดด โดนลม หากความดันลูกตาสูงก็จะให้ยาลดความดันลูกตา</li>
<li>การรักษาตามสาเหตุ เช่น ตาติดเชื้อก็ให้ยาฆ่าเชื้อ ยาปฎิชีวนะ หากเป็นมะเร็งก็ให้คีโม ให้ยามะเร็ง หากเกิดจากไทรอยด์ก็ให้ยาไทรอยด์ กินเกลือแร่รังสีหรือทำการฉายแสง เป็นต้น</li>
</ul>
<h2>เมื่อไหร่จึงจำเป็นต้องรักษาตาโปนโดยการผ่าตัด ? 
</h2>
การรักษาอาการตาโปนโดยการผ่าตัด มักทำเมื่อพบว่าผู้ป่วยมีอาการดังนี้
<ul>
<li>มีเนื้องอกบริเวณดวงตาก็จะผ่าตัดเนื้องอกออก เพื่อให้กระดูกมีพื้นที่เหลือบริเวณรอบดวงตา</li>
<li>มองเห็นภาพซ้อน</li>
<li>มีการกดทับเส้นประสาท มีการมองเห็นลดลง มีการเห็นสีลดลง ลูกตายื่นออกมาทำให้กระจกตาเป็นแผล หลับตาไม่สนิท</li>
<li>เกิดจากการกินยาลดความดันลูกตา แต่ความดันไม่ลดลง</li>
<li>จำเป็นต้องผ่าตัดเพื่อความสวยงาม Appearance Image ที่สำคัญกับการทำงาน และการใช้ชีวิตประจำวัน</li>
</ul>
<h2>วิธีการป้องกันตาโปน 
</h2>
สำหรับผู้ป่วยที่เป็นไทรอยด์ควรตรวจสุขภาพและตรวจเลือดทุกปี เพื่อป้องกันตาโปนที่เกิดจากไทรอยด์เป็นพิษ เพราะส่วนใหญ่จะพบว่าในช่วงเวลา 1 ปี หากมีไทรอยด์ผิดปกติก็จะมีอาการทางตาได้ถึง 60% และสำหรับผู้ที่อายุ 35 ปีขึ้นไป แม้ยังไม่มีปัญหาสุขภาพก็ควรตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปีเช่นกัน
&nbsp;
พญ. ฝนทิพย์ ณ ป้อมเพชร
จักษุแพทย์เฉพาะทางด้านโรคเบ้าตา
และศัลยกรรมตกแต่งเสริมสร้างทางตา
ศูนย์ตา โรงพยาบาลพญาไท 2

ตาโปน คือลักษณะที่ลูกตายื่นเกินออกมาจากเบ้าตามากกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการปวด ปวดตุ้บๆ ในบางคนเวลากรอกตาจะเหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ในตา เมื่อเป็นมากจะมีอาการตามัว การมองเห็นภาพและสีผิดปกติ หรือเห็นภาพซ้อน

บริการ

บทความ

เกี่ยวกับเรา

สาขาโรงพยาบาล

ตาโปน ตรวจพบเร็วรักษาไว อาจไม่จำเป็นต้องผ่าตัด

Tel

Email

บริการ

บทความ

เกี่ยวกับเรา

สาขาโรงพยาบาล